thammarith

ระเบียงเล็ก ๆ ที่กลายเป็นสวน ครึ่งปีของมือปลูกต้นไม้หน้าใหม่

· ธรรมฤทธิ์ ลิขิตธีรเมธ

ระเบียงห้องผมเล็กจนวางเก้าอี้กับโต๊ะพับได้แค่ชุดเดียว แต่ช่วงต้นปีดันอยากลองปลูกอะไรจริงจังขึ้นมา เริ่มจากกุหลาบหินสามกระถางและโรสแมรี่หนึ่งกิ่ง ส่วนใหญ่ตายเพราะรดน้ำเยอะไป บางต้นใบไหม้เพราะแดดบ่ายสาดเต็ม ๆ ผิดๆ ถูกๆ อยู่หลายเดือน

เดือนมีนาคมลองทำชั้นวางจากลังไม้ พอต้นไม้ยกสูงขึ้น ลมผ่านดีขึ้น โรคเชื้อราในหน้าฝนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผมทำตารางรดน้ำง่าย ๆ ตีสองเส้นคือเช้าและเย็น และลดการรดแบบแช่เป็นการพรมเบา ๆ ให้ดินชื้นเท่านั้น

เมษายนเริ่มปลูกผักชีจากเมล็ด งอกแค่ครึ่งเดียว แต่กลิ่นตอนเด็ดใบแรกมาหั่นโรยก๋วยเตี๋ยวทำให้ยิ้มทั้งวัน เหมือนความพยายามสามเดือนถูกเฉลยใน 10 วินาที ส่วนโรสแมรี่รอดมาได้อย่างหวุดหวิดหลังจากย้ายกระถางและผสมดินทรายเพิ่ม ระบายน้ำดีขึ้นเยอะ

ปัญหาที่คาดไม่ถึงคือหนอนผีเสื้อกลางคืนมากัดใบต้นโหระพาจนพรุน ผมใช้วิธีเด็ดใบที่เป็นโรคทิ้งและฉีดสเปรย์น้ำหมักชีวภาพอ่อน ๆ สองครั้งต่อสัปดาห์ ไม่อยากใช้สารเคมีเพราะระเบียงเล็กและอยู่ติดห้อง

ครึ่งปีผ่านไป ระเบียงยังไม่ได้สวยเหมือนใน Pinterest แต่ผมนั่งจิบชาตอนเย็นแล้วดมกลิ่นใบมินต์ที่เด็ดจากกระถางของตัวเองได้จริง ๆ สิ่งที่ได้ไม่ใช่สวนที่สวยที่สุด เป็นความนิ่งเล็ก ๆ ที่เกิดตอนรดน้ำวันละห้านาที เช้าเย็น เท่านี้ก็คุ้มแล้วกับพื้นที่ไม่ถึงสองตารางเมตร

สิ่งที่เรียนรู้แบบลงมือทำจริง ๆ อย่างแรกคือเรื่องดิน สูตรที่ใช้แล้วรอดสำหรับระเบียงที่โดนฝนบ่อยของผมคือ ดินปลูกสำเร็จ 2 ส่วน + กาบมะพร้าวสับ 1 ส่วน + ทรายหยาบ 1 ส่วน + เพอร์ไลต์เล็กน้อย ผสมให้โปร่ง น้ำผ่านง่าย แต่ยังอุ้มน้ำพอให้รากไม่ร้องไห้ ดินอัดแน่นเกินไปทำให้รากขาดอากาศและเชื้อราเดินเร็วมาก โดยเฉพาะหน้าฝนที่แดดหายไปหลายวัน

อย่างที่สองคือแสง ผมทำ “แผนที่แสง” ง่าย ๆ โดยนั่งจดสิบห้านาทีทุกชั่วโมงในวันหยุดว่าแดดลงระเบียงช่วงไหนบ้าง สรุปว่าแดดตรง ๆ มีแค่ 09:30–11:00 ที่เหลือเป็นแสงรำไร การรู้แบบนี้ช่วยจัดวางพืชได้ถูก เช่น วางโรสแมรี่และไทม์ไว้ตำแหน่งบนสุดที่ได้แดดเต็ม ส่วนกุหลาบหินอยู่ชั้นกลาง ส่วนพืชชอบร่มอย่างพลูด่างหรือเฟิร์นเล็ก ๆ ก็ไว้ชั้นล่างสุด ใกล้พื้นให้ความชื้นคงที่กว่า

ศัตรูพืชหลักของระเบียงผมปีนี้คือเพลี้ยอ่อนและหนอนผีเสื้อกลางคืน วิธีรับมือคือสังเกตทุกเช้า ถ้าเจอเพลี้ยให้ผสมน้ำกับน้ำยาล้างจานไม่กี่หยดเขย่าแล้วฉีดใต้ใบ อาทิตย์ละสองครั้ง ถ้าหนักจริง ๆ ค่อยใช้น้ำหมักสะเดาอ่อน ๆ ส่วนหนอนใช้วิธีตัดใบที่ถูกกินทิ้ง และห่อด้วยถุงตาข่ายบางช่วงเวลาที่วางไข่เยอะ ๆ มันดูครูดคราดแต่ช่วยให้ผักชีอยู่รอดจนได้โรยบะหมี่ยามค่ำจริง ๆ

อยู่ ๆ วันหนึ่งข้างห้องทักมาว่า “ต้นไม้เธอสวยดีนะ” แล้วเล่าว่าเขาเคยพยายามปลูกแต่เลิกเพราะยุง ผมเลยแชร์วิธีวางถาดรองน้ำให้แห้งเร็ว และแนะนำต้นสะระแหน่กับโหระพาเพราะกลิ่นช่วยไล่ยุงได้ระดับหนึ่ง เผลอๆ สัปดาห์ถัดมาเขาก็เอากระถางสองใบมาวางที่ระเบียงตัวเอง แล้วเดินมาขอยืมกรรไกรตัดกิ่ง พูดคุยกันเรื่องดินสามนาที แต่ทำให้รู้สึกว่าระเบียงเล็ก ๆ ของเราเชื่อมคนได้จริง ๆ

ค่าใช้จ่ายโดยรวมครึ่งปีแรก: กระถางพลาสติกและดินรวม 1,200 บาท ชั้นวางไม้ 600 บาท เมล็ดและกิ่งชำ 300 บาท น้ำยาและอุปกรณ์จุกจิก 200 บาท รวม ๆ ประมาณ 2,300 บาท ถ้าเทียบกับค่าคาเฟ่เดือนเดียวก็พอ ๆ กัน แต่สิ่งที่ได้คือการพักสายตาทุกเย็นที่ไม่ต้องเดินทางไปไหน

แผนฤดูกาลถัดไป ผมอยากลองผักสลัดแบบคัทแอนด์คัมอะเกน ปลูกสลับอายุไว้สองสามกระถาง เพื่อให้มีใบกินต่อเนื่องทุกสัปดาห์ และจะลองปลูกดาวเรืองหนึ่งกระถางเพื่อดึงเพลี้ยให้ไปอยู่ที่เดียวจะได้จัดการง่ายขึ้น ส่วนไม้หอมอยากเพิ่มเลมอนบาล์มอีกหนึ่งต้นเพื่อชงชาตอนก่อนนอน

ความผิดพลาดที่อยากจดคือการรดน้ำตอนแดดแรงจัดแล้วใบไหม้เป็นจุด ๆ ควรรดเช้าตรู่หรือหลังสี่โมงเย็น และอย่าเผลอใจซื้อต้นไม้เร็วเกินกว่าความสามารถดูแลในสัปดาห์นั้น ๆ ผมเคยซื้อมาทีเดียวหกกระถางเพราะโปร ฯ สุดท้ายตายไปสาม เจ็บใจแต่ก็ถือว่าเป็นค่าเล่าเรียน

ท้ายที่สุด ระเบียงไม่ได้ทำให้ชีวิตโรแมนติกทุกวัน บางวันมีขี้นก บางวันลมแรงจนต้นหัก แต่พอเรายอมรับว่า “สวนเล็ก ๆ” ก็มีชีวิตของมันเอง เราจะหย่อนใจได้มากขึ้น พรุ่งนี้ใบจะงอกใหม่ ดอกจะออกอีกเมื่อถึงเวลา และเราจะยังมีที่ให้วางถ้วยชา ถือหนังสือ และหายใจยาว ๆ ได้ในเมืองที่เร่งเราเกินไปอยู่เสมอ