กระโดดห้องสมุดหนึ่งวัน: สามย่าน–TK Park–หอศิลป์
เริ่มที่ห้องสมุดสามย่าน ชั้นบนสุดบรรยากาศสว่าง แอร์แรงนิดหน่อย แต่โต๊ะยาวกับปลั๊กไฟเยอะทำให้เปิดโน้ตบุ๊คได้สบาย ๆ นั่งอ่านไปชั่วโมงครึ่งก็ย้ายไป TK Park ที่ CentralWorld โซนอ่านเงียบจริง ๆ เงียบมาก จนเสียงพลิกหน้ากระดาษตัวเองยังดังเกินไปหน่อย ผมตั้งใจทำภารกิจเล็ก ๆ ให้ตัวเองในวันนี้คือ “อ่านให้ครบสามที่ในวันเดียว” ไม่ใช่เพราะอยากเก็บเช็คลิสต์ แต่เพราะอยากรู้ว่าพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อการอ่านมันส่งผลต่างกันขนาดไหน
สามย่านให้ความรู้สึกเหมือน coworking ที่เปิดประตูทิศเหนือไว้ให้แสงกระทบโต๊ะยาว ๆ คนทำงานจริงจังปนกับนักศึกษาที่นั่งอ่านหนังสือสอบ บางจุดคุยกันเบา ๆ ได้ ไม่ได้เคร่งจนเกินไป ผมเลือกมุมติดเสาเพื่อไม่ให้มีคนเดินผ่านด้านหลังมากนัก วางโน้ตบุ๊ค กางหนังสือกระดาษ ช่วงแรกอ่านไม่ค่อยเข้าเพราะเสียงแอร์ดังต่อเนื่องแบบไม่มีจังหวะ แต่พอเปิดหูฟังเพลงเปียโนเบา ๆ ก็เริ่มนิ่งขึ้น โต๊ะกว้างทำให้วางหนังสือพร้อมกันสองเล่มได้แบบไม่ล้น ความกว้างนี่สำคัญกว่าที่คิด มือไม่ชนของตัวเองบ่อย ๆ เลยไม่รำคาญ
ผมตั้งเวลา 50 นาทีอ่าน + 10 นาทีพัก เดินยืดเส้นรอบชั้น หน้าต่างกระจกบานใหญ่เห็นถนนข้างล่างรถติดเป็นเส้นยาวแปลกตา ความแน่นของเมืองถูกแยกด้วยกระจกใสอยู่คนละฝั่งอย่างชัดเจน กลับมานั่งต่ออีก 40 นาทีจบบทหนึ่งพอดี เก็บกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าไป TK Park ต่อ
TK Park เป็นอีกโลกนึงทันทีเมื่อเปิดประตูเข้าโซนเงียบ เสียงภายนอกถูกปิดไว้แบบมืออาชีพ พรมหนานุ่มลดเสียงฝีเท้าจนแทบไม่ได้ยิน โต๊ะเดี่ยวขนาดกำลังดีพร้อมโคมไฟส่วนตัวที่ไม่แยงตา ผมนั่งแล้วรู้สึกว่าตัวเองหายไปครึ่งหนึ่ง เหลือแต่คนอ่านกับหนังสือที่อยู่ตรงหน้า มันดีมากจนอยากอยู่ทั้งวัน แต่ข้อเสียคือตอนพลิกกระดาษของตัวเองกลับรู้สึกดังเกินไปทุกครั้ง ต้องค่อย ๆ บรรจงแบบคนเหยียบพื้นไม้เก่าในบ้านโบราณ
การอ่านในพื้นที่เงียบมาก ๆ ทำให้รู้ตัวชัดว่าบางประโยคที่ผ่านตาเราโดยไม่เข้าใจในที่อื่น พอมาอยู่ที่นี่จะเข้าแบบทะลุ ภาษาที่ซับซ้อนกลายเป็นคลื่นที่แหวกออกตรงหน้าอย่างเนียน ผมทดลองปิดจอมือถือตลอดชั่วโมงนี้แล้ววางคว่ำไว้ในกระเป๋า ความอยากหยิบมาเช็คการแจ้งเตือนลดลงอย่างน่าแปลกใจ ทั้งที่เมื่อกี้ยังหยิบทุก 10 นาทีอยู่เลย พื้นที่ที่ดีไม่ใช่แค่สวย แต่มันช่วยเราจัดระเบียบความสนใจโดยที่เราไม่รู้ตัว
บ่ายแก่ ๆ ผมลงไปหาอะไรกินในห้างอย่างเร็ว เลือกอาหารง่าย ๆ ไม่ง่วง แล้วกลับขึ้นมาเก็บของเพื่อย้ายไปหอศิลป์กรุงเทพฯ ห้องสมุดที่นั่นไม่ใหญ่เท่า แต่แสงธรรมชาติจากช่องแสงยาว ๆ บนเพดานสาดลงบนโต๊ะไม้เป็นจังหวะสวยงาม คนไม่เยอะ นั่งตรงมุมหน้าต่างเห็นรถ BTS เลื้อยผ่านช้า ๆ เป็นฉากที่เหมาะกับการอ่านแบบปล่อยใจ เดี๋ยวอ่าน เดี๋ยวเงยหน้า ไม่รีบไปไหน
ผมหยิบหนังสืออีกเล่มที่เบากว่าเดิมขึ้นมาอ่าน สลับกับจดไอเดียลงในสมุดเล็ก ๆ กลิ่นไม้ของโต๊ะปนกับกลิ่นกระดาษเก่าทำให้คิดถึงห้องสมุดโรงเรียนสมัยเด็ก ต่างกันตรงที่ที่นี่ไม่ได้บังคับให้เงียบ ทุกคนแค่พยายามกันเอง มันเลยอบอุ่นกว่าความเงียบแบบเข้มงวด ความอบอุ่นนี้ทำให้ผมอ่านได้นานขึ้นโดยไม่ล้า
พออ่านไปสักพักผมเริ่มสังเกตสิ่งที่ทำให้แต่ละที่ต่างกัน: แสง โต๊ะ เก้าอี้ และเสียงรบกวน สามย่านชนะที่โต๊ะกว้างและปลั๊กไฟเยอะ เหมาะกับอ่านไปพิมพ์ไป TK Park ชนะที่เงียบแบบสนับสนุนความลึก หอศิลป์ชนะที่แสงธรรมชาติและทิวทัศน์พอดีตา เหมาะกับการอ่านแบบลื่นไหลยาว ๆ โดยไม่ต้องตั้งใจมาก ไม่มีที่ไหนชนะทุกเรื่อง แต่การรู้ว่าที่ไหนเหมาะกับงานแบบไหนคือชัยชนะของเรา
อีกเรื่องที่อยากเขียนไว้คือ “เก้าอี้” เรามักจะไม่พูดถึงมันพอ แต่เก้าอี้ที่รองหลังดีและไม่โยกคือสิ่งหายาก พอได้เก้าอี้ดี เราจะลืมมันไปทันที เพราะร่างกายไม่ร้องขอความสนใจ แต่ถ้าเก้าอี้ไม่ดี เราจะนับนาทีให้ถึงเวลาพัก TK Park เก้าอี้ดีสุด รองหลังเต็ม หอศิลป์รองลงมา สามย่านบางจุดจะโยกนิด ๆ ต้องเลือกนั่งดี ๆ รายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้ตัดสินว่าวันนั้นอ่านได้ยาวแค่ไหนโดยไม่ปวดหลัง
ช่วงเย็นแสงอ่อนลง ผมปิดหนังสือแล้วปล่อยให้ตานิ่งอยู่กับขบวนรถไฟที่ผ่านไปมา เสียงรางเหล็กเบา ๆ ตัดกับเสียงแอร์ไกล ๆ จากโถงด้านล่าง คล้ายเพลงประกอบที่ไม่ได้ตั้งใจ ทุกช่วงเวลาที่อ่านสะสมมาตลอดวันเหมือนถูกย่อยช้า ๆ อยู่ในหัว รู้สึกได้ว่ามีบางย่อหน้าที่จะกลับไปอ่านซ้ำที่บ้าน พร้อมกับโน้ตเล็ก ๆ ที่จดไว้ข้างหน้า
สรุปภารกิจหนึ่งวัน ผมได้อ่านหนังสือสองบทใหญ่ บทสั้นอีกสองบท บันทึกไอเดียไว้เกือบสิบหัวข้อ และสำคัญสุดคือได้เรียนรู้ว่าร่างกายตอบสนองต่อพื้นที่ยังไง ถ้าจะทำอีกครั้ง ผมอาจสลับลำดับให้เริ่มจากที่เงียบสุดก่อน คือ TK Park แล้วค่อยไปสามย่าน เพื่อให้ช่วงบ่ายที่สมองล้าได้เจอแสงและวิวของหอศิลป์ ปิดท้ายวันด้วยความเบาสบายกว่านี้อีกนิด
ผมอยากชวนคนอ่านลองเล่นเกมนี้ดูสักวัน เลือกสามพื้นที่ที่แตกต่างกัน แล้วพาหนังสือหนึ่งเล่มไปอยู่กับมันทั้งวัน คุณอาจจะพบว่า บทที่ยากที่สุดควรอ่านในที่เงียบที่สุด บทที่เล่าเรื่องยาว ๆ ควรอ่านในที่ที่มีแสงและวิวพอประมาณ และบทที่ต้องทวนหลายรอบควรอ่านตรงโต๊ะกว้าง ๆ ที่วางอะไรได้เยอะ การเข้าใจตัวเองผ่านพื้นที่คือความสนุกอีกแบบของการอ่านที่เราไม่ค่อยพูดถึง
วันนั้นผมกลับบ้านพร้อมบัตรห้องสมุดใหม่หนึ่งใบ และรูปถ่ายโต๊ะไม้ของหอศิลป์ที่แสงตกพอดี มันเป็นรูปที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ทำให้คิดถึงความสงบแบบราคาถูกที่เอื้อมถึงเสมอ แค่วางโทรศัพท์คว่ำหน้า เปิดหนังสือ แล้วให้โต๊ะดี ๆ กับเก้าอี้พอดีหลังทำงานที่เหลือแทนเรา