ปลูกต้นไม้บนระเบียงคอนโด ฤดูฝนนี้
ฤดูฝนปีนี้เริ่มตั้งตัวได้เร็ว ต้นไม้ราคาน่ารักแห่กันมาหน้าคอนโด ทั้งเดหลี ลิ้นมังกร พลูด่าง ตั้งใจจะทำมุมเขียวเล็ก ๆ ให้ตัวเองได้พักสายตาเวลาเลิกงาน สิ่งแรกที่เรียนรู้คือ “ลม” ระเบียงฝั่งตะวันตกของเราลมแรงเกินคาด ต้นที่ใบใหญ่ ๆ อย่างเดหลีโดนพัดซะก้านงอ ต้องย้ายเข้ามุมที่กำแพงบังลม ตอนแรกคิดเอาดีไซน์เป็นหลัก สุดท้ายก็ต้องยอมให้ชีววิทยาชนะดีไซน์ไปก่อน
ดินเป็นเรื่องถัดมา ดินที่ซื้อมาถุงแรกชื้นมาก คล้ายโดนเก็บไว้นาน พอลงกระถางไปสองสัปดาห์เริ่มเห็นเชื้อราปุย ๆ บนผิว เลยต้องคุ้ยหน้าดินออก ผสมดินใหม่กับกาบมะพร้าวสับ และเพอร์ไลต์เพิ่มให้โปร่งขึ้น หายใจโล่งขึ้นทั้งคนทั้งต้นไม้ กลิ่นดินเปียกตอนเย็นหอมจนอยากนั่งเงียบ ๆ ฟังเสียงฝนบนกันสาด
เรื่องน้ำรดกะเวลาไม่ค่อยถูก ช่วงแรกใจร้อน รดทุกวัน จนใบพลูด่างเริ่มซีด พอลองสอดนิ้วลงไปลึกซักสองข้อนิ้วแล้วรู้สึกชื้น ก็เว้นได้เลย เข้าใจเสียทีว่า “ต้นไม้ก็อยากมีพื้นที่หายใจ” พอย้ายมารดเช้าเว้นเย็นตามสภาพอากาศ ใบมันเงาขึ้นแบบเห็นได้ชัด
ระเบียงเล็ก ๆ ยังพอใส่ชั้นไม้วางกระถางได้อีกหนึ่งชั้น ติดแถบไฟเส้นสั้น ๆ ไว้ให้ดูตอนค่ำ มันไม่ใช่สวนสวยสมบูรณ์แบบ แต่เป็นสวนของเราเอง กลับบ้านมาเห็นแล้วใจอ่อนลงทุกที วันไหนเครียดจากงานก็แค่จับกรรไกรตัดใบเหลือง ๆ ทิ้ง กวาดหน้าดิน จัดกระถางให้ตรง เท่านี้สมองก็ปล่อยวางได้ชั่วคราว
อุปสรรคที่ยังแก้ไม่ตกคือยุงกับเพลี้ย ช่วงฝนหนัก ๆ จะโผล่มาเป็นพัก ๆ ลองใช้สบู่ล้างจานเจือจางพ่นเบา ๆ สลับกับเช็ดใบผลัดกันไป พอเอาอยู่ แต่ต้องสม่ำเสมอ ไม่งั้นแพ้แบบโดนยึดครองระเบียงเร็วมาก ใครมีสูตรดีกว่านี้ฝากบอกทีนะ เราก็ยังเรียนรู้อยู่ทุกวัน
ปิดท้าย ถ้าระเบียงคุณแคบ อย่าเพิ่งหมดหวัง เลือกต้นที่ “ทน” ก่อน เช่น ลิ้นมังกร มอนสเตร่าใบเล็ก พลูด่าง แล้วค่อยเพิ่มความยากทีละนิด ความสุขของมุมเขียวไม่ได้มาจากความเพอร์เฟกต์ แต่มาจากการเห็นมันโตขึ้นทีละใบ บางวันมันก็เฉา บางวันก้อสวยเป็นพิเศษ ซึ่งก็เหมือนเราแหละ มีขึ้นมีลงเป็นรอบ ๆ