เรียนว่ายน้ำตอนอายุ 30 กว่าๆ กลัวน้ำ แต่ก็เริ่มได้
คาบแรกครูให้เริ่มจากจุ่มหน้าในน้ำแล้วหายใจเป็นฟอง ลืมตาดูเส้นขาวใต้น้ำ ความกลัวบานขึ้นมาเฉียบ ๆ แต่พอทำช้า ๆ ทีละ 5 วินาที ก็อยู่กับมันได้มากขึ้น ผ่านสัปดาห์แรกก็เริ่มเตะกระดานโฟมไปกลับสั้น ๆ ยังเกร็งไหล่และคอมาก แต่รู้สึกได้ว่าร่างกายจำวิธีลอย
ผมสมัครเรียนแบบสอนตัวต่อตัวสัปดาห์ละสองครั้ง เลือกสระที่ไม่ลึกมากก่อน ครูเริ่มจากสอนให้รู้จักน้ำ ผ่านการปล่อยมือเกาะขอบแล้วให้ลื่นตัวไปข้างหน้า การลื่นครั้งแรกแค่ครึ่งเมตรแต่รู้สึกเหมือนชนะอะไรบางอย่างใหญ่โต ครูบอกว่า “ไม่ต้องรีบว่ายให้เป็น รีบสนิทกับน้ำก่อน” ประโยคนี้ติดหัวตลอดหกสัปดาห์ถัดมา
สัปดาห์ที่สอง ครูให้ฝึกหายใจแบบเอาหน้าลงน้ำ เป่าฟอง แล้วหันแก้มขึ้นมารับอากาศด้านข้าง เริ่มจากยืนในสระระดับเอว มือเกาะขอบไว้ก่อน พอเป่าฟองจนหมดค่อยหมุนศีรษะ ครูจับไหล่ไว้เบา ๆ เพื่อกันเราตกใจ ผมสำลักสองสามครั้งในชั่วโมงแรก น้ำเข้าไปถึงจมูกแล้วจั๊กจี๋ในคอ แต่พอทำช้า ๆ จังหวะหายใจสั้นลงและนิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สัปดาห์ที่สามเริ่มว่ายท่าครอลแบบทีละส่วน แยกแขนซ้าย แขนขวา เตะขาเบา ๆ กับกระดานโฟม ครูเน้นให้ผ่อนแรงขา อย่าฟาดน้ำแรง เสียงน้ำไม่ต้องดัง เราไม่แข่งกับใคร ผมพบว่าถ้าเกร็งสะโพก น้ำจะดันเรากลับ ทำให้หัวจมง่าย แต่ถ้าปล่อยลำตัวให้ยาวและหมุนไปตามแขนที่สับ น้ำจะรองรับเอง ร่างกายเหมือนเริ่มเข้าใจภาษาใหม่ที่ไม่ใช่คำพูด
ชั่วโมงหนึ่งในสระกลับยาวกว่าหนึ่งชั่วโมงนอกสระมาก เพราะต้องสนใจหลายอย่างพร้อมกัน: แขนขวาเข้าโค้ง, แขนซ้ายแทงมือ, ศีรษะหมุนรับอากาศ, เอวหมุนตาม, ขาเตะสม่ำเสมอ, และที่สำคัญที่สุดคืออย่ากลั้นหายใจ ผมรู้สึกว่าการหายใจเป็นทักษะที่ต้องฝึกแยกต่างหาก กลัวว่าจะหมดอากาศกลางคันตลอดเวลา ครูเลยให้ฝึกนับ 1-2-3-เป่า-หมุน-รับ-ลงน้ำ วนไปเรื่อย ๆ จนสมองจำลูปนี้โดยอัตโนมัติ
คาบที่ห้า ครูบอกให้ลองว่ายต่อเนื่อง 10 เมตรแบบไม่หยุด ครั้งแรกไปได้ถึง 7 เมตรก็ต้องเกาะขอบเพราะตื่นเต้นจนลืมหายใจ คาบเดียวกันท้ายชั่วโมงลองอีกครั้ง ครูเดินตามข้างสระคอยนับ 1-2-3 ให้ พอถึง 10 เมตรสำเร็จ ผมหัวเราะหลุดออกมาใต้สระแบบไม่เกรงใจใคร ตาแสบเล็กน้อยแต่ใจโล่งมาก ความกลัวที่แบกมาหลายปีเบาลงแบบจับต้องได้
อุปสรรคที่เจอมีทั้งกายและใจ ด้านกายคือการเกร็งคอและไหล่จนปวด ตื่นขึ้นมาวันถัดไปปวดหลังช่วงสะบักอย่างกับยกของหนัก ครูสอนยืดกล้ามเนื้อก่อนและหลังคาบแบบจริงจัง โฟกัสไปที่คอ ไหล่ และสะโพก การยืด 10 นาทีช่วยป้องกันการเจ็บสะสมได้มาก ส่วนด้านใจคือภาพจำเกี่ยวกับน้ำตั้งแต่เด็ก ๆ ที่จมน้ำบ่อบ้านญาติ ความทรงจำแบบนี้ไม่หายไปในวันเดียว ผมเลยให้เวลาตัวเองมาก ๆ ไม่กดดันว่าสัปดาห์หน้าต้องว่ายได้ 25 เมตร ปล่อยให้เป้าหมายคืบไปทีละ 2–3 เมตรพอ
อุปกรณ์เล็ก ๆ ที่ช่วยมาก: แว่นตาว่ายน้ำที่ไม่รั่ว, หมวกว่ายน้ำที่ไม่บีบหัวเกินไป, และที่อาจดูตลกคือที่อุดหูซิลิโคนเล็ก ๆ ช่วยให้สมาธิดีขึ้นเมื่อไม่มีน้ำเข้าไปกวนหูตลอดเวลา เพลงในหัวเบาลง จังหวะหายใจนิ่งขึ้น รู้ตัวอีกทีเราผ่านไปกลับ 10 เมตรโดยไม่เครียดเกินจำเป็น
สัปดาห์ที่หก ครูเริ่มแนะนำท่ากบแบบพื้นฐานให้ลอง ผมชอบความรู้สึกที่ได้ลอยยาว ๆ แล้วค่อยกวักแขนดึงน้ำเข้าตัว กลายเป็นอีกจังหวะใหม่ที่ช้าและสงบกว่า ท่ากบทำให้ผมเข้าใจเรื่อง “การผ่อนแรง” มากขึ้น ไม่ต้องรีบ หน้าขึ้นรับอากาศได้เต็ม ๆ ไม่ตื่นตระหนกเหมือนท่าครอล แต่ข้อเสียคือถ้าจังหวะขายังไม่แม่น จะเสียแรงเยอะและไม่ค่อยไปไหน ครูให้ไปฝึกขาบนบกก่อน นั่งบนขอบสระแล้วขยับขาแบบช้า ๆ เพื่อให้ข้อเท้าคุ้นกับทิศทาง
วันที่รู้สึกเหมือนก้าวข้ามอีกขั้นคือวันที่ลองว่ายครอลต่อเนื่อง 20 เมตรได้โดยไม่หยุด ไม่เร็วหรอก แต่คงที่และไม่สำลักเลย พอแตะขอบแล้วหันไปยิ้มกับครู เขายกนิ้วโป้งพร้อมบอกว่า “วันนี้เงียบ” ผมเข้าใจคำว่าเงียบในน้ำดีขึ้นมาก เงียบคือไม่มีการตะเกียกตะกายเกินจำเป็น ไม่มีเสียงในหัวที่ดุว่าเราช้าไปหรือหลุดจังหวะไป เงียบคืออยู่กับการนับ 1-2-3 และเป่าฟอง
ผมเริ่มเอาบทเรียนจากสระไปใช้กับงานนอกสระ เช่น เวลาทำงานที่ต้องโฟกัสสูง ผมจะนับจังหวะในหัวคล้ายตอนว่าย แทนที่จะปล่อยให้ความกังวลเข้ามาต่อคิว การนับแบบนี้ช่วยให้รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหนของงาน ไม่ต้องรีบเห็นเส้นชัยตั้งแต่เมตรแรก คล้ายกับการไม่ต้องเห็นปลายสระตั้งแต่วินาทีแรกที่ออกตัว แต่ให้สนใจแค่สโตรกถัดไป
ตอนเย็นวันหนึ่งหลังเรียน ผมนั่งดูเงาน้ำเต้นอยู่บนผนังสระ คิดถึงคำว่ากลัวที่ค่อย ๆ เปลี่ยนความหมาย จากสิ่งที่ต้องหลบ เป็นสิ่งที่ต้องชวนออกมาเดินเล่นด้วยกัน ความกลัวไม่หายไปไหน มันแค่อยู่ห่างออกไปพอให้เราทำสิ่งที่อยากทำโดยไม่โดนมันลากกลับ
แผนหลังจากนี้คือค่อย ๆ เพิ่มระยะทีละนิด ลองทำ 25 เมตรต่อเนื่องให้ได้ แล้วค่อยคิดเรื่องกลับตัว ครูบอกว่าอย่าเพิ่งรีบท่าผีเสื้อหรืออะไรที่แรง ๆ เก็บพื้นฐานให้แน่นก่อน ขนานไปกับการฝึกกล้ามเนื้อ core และยืดเหยียดหลังซ้อมทุกครั้ง ไม่ใช่เพื่อเป็นนักกีฬา แต่เพื่อว่ายได้แบบมีความสุขโดยไม่เจ็บ
ถ้ามีใครกำลังลังเลจะเริ่มว่ายน้ำตอนผู้ใหญ่ ผมอยากบอกว่าเริ่มได้จริง ๆ แค่ยอมรับว่าช้ากว่าตอนเด็ก และให้เวลากับการสนิทกับน้ำก่อนคิดเรื่องเทคนิค เริ่มจากคาบที่สบายที่สุด เช่น ยืนเป่าฟอง 5 นาที ลองลื่นตัวครึ่งเมตร แล้วเลิก ถือว่าเสร็จพิธีในวันนั้น วันถัดไปค่อยทำเพิ่มนิดหน่อย การสะสมความคุ้นเคยคือกล้ามเนื้ออีกแบบที่ต้องฝึกทีละวัน
วันนี้ผมยังไม่เรียกตัวเองว่าว่ายเป็น แต่ถ้าให้เทียบกับวันแรกที่ไม่กล้าจุ่มหน้า ตอนนี้ผมยืนมองสระแล้วใจไม่หดตัวเหมือนก่อน การเริ่มช้า ๆ และไม่กดดันตัวเองมากไปคือยาคุมใจชั้นดี รอบหน้าอยากฝึกหายใจ 3 จังหวะ เผื่อจะนิ่งกว่าเดิมอีกนิด และถ้าไปทะเล อยากลองใส่เสื้อชูชีพแล้วลอยนิ่ง ๆ ดูท้องฟ้าสัก 10 นาที ให้ความกลัวได้นั่งพักบ้าง แล้วค่อยกลับมาว่ายต่อบนสระสีฟ้าเดิมที่ค่อย ๆ กลายเป็นที่คุ้นเคยของเรา